วันนี้เพนกวิ้นกลับกรุงเทพแล้วจ้าาาา
ไปจัดการธุระที่เชียงใหม่เสร็จก็รีบร่อนกลับมาโดยด่วนเพราะวันอังคารมีสอบเก็บคะแนน
แต่แน่นอนถ้ากลับกรุงเทพโดยไม่ทำอะไรก็ไม่คุ้มค่ากับการโดดเรียนวันจันทร์จริงมั้ย
เพนกวิ้นก็เลยไปที่นี่มา
ถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะถ่ายจากบนรถมันก็ได้แค่นี้แล
พอดีเพนกวิ้นได้ข่าวเรื่องคนบริจาคเลือดไม่พอใช้
แล้วมีคนรู้จักที่เชียงใหม่จะไปบริจาคพอดี
เพนกวิ้นก็เลยไปกับเค้าด้วยเลย
พอไปถึงสรุปคนที่ชวนมากลับบริจาคไม่ได้เพราะเลือดลอย
เพนกวิ้นเลยได้บริจาคอยู่คนเดียว
หลังจากบริจาคเสร็จก็ได้ยาเพิ่มธาตุเหล็กมาถุงนึง
ไปเช็คข้อมูลดูเลยรู้ว่าการบริจาคเลือดจะทำให้เสียธาตุเหล็กเยอะ เลยต้องกินเข้าไปเพิ่ม
พอบริจาคเลือดเสร็จเพนกวิ้นก็ไปกินข้าวอร่อยๆแถวมหาลัยเชียงใหม่แล้วก็ขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ
แล้วเวลาของเพนกวิ้นก็หมดไปอีกวันนึง
อา...แล้วเพนกวิ้นยังไม่ได้อ่านหนังสือสอบเลย พรุ่งนี้จะทำได้มั้ยเนี่ย
วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ไดอารี่ไร้สาระของเพนกวิ้น 18-11-12
ด้วยเหตุผลจำเป็นบางประการ
ทำให้เพนกวิ้นต้องเดินทางมาเชียงใหม่โดยด่วน
เพนกวิ้นก็เลยถ่ายรูปเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่มา
สายการบินที่เพนกวิ้นใช้คือการบินไทย
ไม่ใช่อะไรหรอกนะ
เมื่อก่อนนั่งโลว์คอสแล้วชอบเกิดเหตุการณ์ดีเลย์บ่อยๆ
แถมอาหารบนเครื่องก็...เรียกว่าอาหารได้ด้วยเรอะ
ที่นั่งก็เบียดๆ แถมบางที่เครื่องเหมือนจะพังๆนิดๆด้วย
อันนี้ความรู้สึกล้วนๆนะ ไม่ได้ว่าสายการบินไหนเป็นพิเศษ
พอเปลี่ยนมาใช้บริการการบินไทยแล้วรู้สึกว่า
คุ้มราคาค่าตั๋วดีจริงๆ
ของว่างอร่อย เที่ยวบินไม่ค่อยดีเลย์
แล้วไม่ใช่อะไรหรอก
เพนกวิ้นชอบนั่งรถไฟฟ้าอยู่แล้ว
ก็เลยรู้สึกเฉยๆกับการนั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์ไปสุวรรณภูมิ
ที่สำคัญที่สุด
เพนกวิ้นไม่ได้จ่ายค่าเครื่องบินเองนี่สิ ฮุฮุฮุ
ให้ที่บ้านออกให้ แล้วเพนกวิ้นก็มีความสุขกับการบินได้เต็มที่
ไม่ใช่แค่นั้น
วันนี้รู้สึกเพนกวิ้นจะโชคดีมาก
ได้นั่งเครื่องใหญ่แบบไว้บินไปต่างประเทศอะไรประมาณนั้น
มีจอติดพนักเก้าอี้ ไว้นั่งเล่นเกมได้ด้วย
เพนกวิ้นนั่งเล่น pacman กัย blackjack21 เพลินเลย
เสียดาย ยังเล่นไม่ทันอะไรเครื่องลงจอดซะแล้ว
อยากให้ขากลับได้นั่งเครื่องแบบนี้อีกจังเลย
ทำให้เพนกวิ้นต้องเดินทางมาเชียงใหม่โดยด่วน
เพนกวิ้นก็เลยถ่ายรูปเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่มา
สายการบินที่เพนกวิ้นใช้คือการบินไทย
ไม่ใช่อะไรหรอกนะ
เมื่อก่อนนั่งโลว์คอสแล้วชอบเกิดเหตุการณ์ดีเลย์บ่อยๆ
แถมอาหารบนเครื่องก็...เรียกว่าอาหารได้ด้วยเรอะ
ที่นั่งก็เบียดๆ แถมบางที่เครื่องเหมือนจะพังๆนิดๆด้วย
อันนี้ความรู้สึกล้วนๆนะ ไม่ได้ว่าสายการบินไหนเป็นพิเศษ
พอเปลี่ยนมาใช้บริการการบินไทยแล้วรู้สึกว่า
คุ้มราคาค่าตั๋วดีจริงๆ
ของว่างอร่อย เที่ยวบินไม่ค่อยดีเลย์
แล้วไม่ใช่อะไรหรอก
เพนกวิ้นชอบนั่งรถไฟฟ้าอยู่แล้ว
ก็เลยรู้สึกเฉยๆกับการนั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์ไปสุวรรณภูมิ
ที่สำคัญที่สุด
เพนกวิ้นไม่ได้จ่ายค่าเครื่องบินเองนี่สิ ฮุฮุฮุ
ให้ที่บ้านออกให้ แล้วเพนกวิ้นก็มีความสุขกับการบินได้เต็มที่
ไม่ใช่แค่นั้น
วันนี้รู้สึกเพนกวิ้นจะโชคดีมาก
ได้นั่งเครื่องใหญ่แบบไว้บินไปต่างประเทศอะไรประมาณนั้น
มีจอติดพนักเก้าอี้ ไว้นั่งเล่นเกมได้ด้วย
เพนกวิ้นนั่งเล่น pacman กัย blackjack21 เพลินเลย
เสียดาย ยังเล่นไม่ทันอะไรเครื่องลงจอดซะแล้ว
อยากให้ขากลับได้นั่งเครื่องแบบนี้อีกจังเลย
วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ไดอารี่ไร้สาระของเพนกวิ้น 17-11-12
วันนี้เพนกวิ้นไปเดินเซ็นทรัลเวิลด์มา
และตามธรรมเนียมปฏิบัติของเพนกวิ้น
เพนกวิ้นก็แวะเข้าไปร้านคิโนะคุนิยะเหมือนทุกครั้ง
ทันใดนั้นเอง เพนกวิ้นก็สะดุดสายตากับสิ่งนี้เข้า
หลังจากนั้นสมองเพนกวิ้นก็วูบไป และรู้สึกตัวอีกทีตอนที่จ่ายเงินซื้อที่แคชเชียร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว....
ไม่ใช่ละ
เรื่องของเรื่องคือเพนกวิ้นไม่นึกว่าคิโนะเอามาวางขายด้วย
ตอนแรกกะว่าจะไปสั่งซื้อเอาพร้อมกับ DRAMAtical Murder, Lamento, Miracle Noton และอื่นๆ
(รู้สึกมั้ยว่าลิสต์มันเริ่มยาว)
พอมาเห็นที่นี่เข้าก็เลยทำการซื้อมาโดยไม่ยั้งคิดใดๆทั้งสิ้น
บางคนอาจจะงงว่าสิ่งนี้คืออะไร
มันคือ Lucky Dog 1 Official Visual Fan Book
พูดง่ายๆก็คือหนังสือเกม Lucky Dog 1 นั่นแล
มีตั้งแต่รายละเอียดตัวละคร เนื้อเรื่องคร่าวๆ CGในเรื่อง
ไปจนถึงวิธีการเก็บ CG ทั้งหมด มุมสัมภาษณ์อ.ยูระ รูปพิเศษ เรื่องสั้น บลาๆ
ทำเอาเพนกวิ้นอยากกลับไปเล่นเกมซ้ำอีกรอบเลยแฮะ
ไม่แน่ ถ้าเพนกวิ้นพีคได้อารมน์ก็อาจจะมาเขียนรีวิว(+เพ้อ) Luck Dog 1 ก็ได้
ประเด็นคือเกมมันออกมานานแล้ว จนไม่แน่ใจว่าจะเขียนดีมั้ยนี่สิ...
และตามธรรมเนียมปฏิบัติของเพนกวิ้น
เพนกวิ้นก็แวะเข้าไปร้านคิโนะคุนิยะเหมือนทุกครั้ง
ทันใดนั้นเอง เพนกวิ้นก็สะดุดสายตากับสิ่งนี้เข้า
หลังจากนั้นสมองเพนกวิ้นก็วูบไป และรู้สึกตัวอีกทีตอนที่จ่ายเงินซื้อที่แคชเชียร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว....
ไม่ใช่ละ
เรื่องของเรื่องคือเพนกวิ้นไม่นึกว่าคิโนะเอามาวางขายด้วย
ตอนแรกกะว่าจะไปสั่งซื้อเอาพร้อมกับ DRAMAtical Murder, Lamento, Miracle Noton และอื่นๆ
(รู้สึกมั้ยว่าลิสต์มันเริ่มยาว)
พอมาเห็นที่นี่เข้าก็เลยทำการซื้อมาโดยไม่ยั้งคิดใดๆทั้งสิ้น
บางคนอาจจะงงว่าสิ่งนี้คืออะไร
มันคือ Lucky Dog 1 Official Visual Fan Book
พูดง่ายๆก็คือหนังสือเกม Lucky Dog 1 นั่นแล
มีตั้งแต่รายละเอียดตัวละคร เนื้อเรื่องคร่าวๆ CGในเรื่อง
ไปจนถึงวิธีการเก็บ CG ทั้งหมด มุมสัมภาษณ์อ.ยูระ รูปพิเศษ เรื่องสั้น บลาๆ
ทำเอาเพนกวิ้นอยากกลับไปเล่นเกมซ้ำอีกรอบเลยแฮะ
ไม่แน่ ถ้าเพนกวิ้นพีคได้อารมน์ก็อาจจะมาเขียนรีวิว(+เพ้อ) Luck Dog 1 ก็ได้
ประเด็นคือเกมมันออกมานานแล้ว จนไม่แน่ใจว่าจะเขียนดีมั้ยนี่สิ...
ไดอารี่ไร้สาระของเพนกวิ้น 16-11-12
ในที่สุดก็ถึงวันศุกร์ อุก อุก อุก อุก
หลังจากผ่านช่วงเวลาเครียดๆมาได้
เพนกวิ้นก็เลยถือโอกาสไปเดินเล่นแล้วหาอะไรกินเล็กน้อย
ก็เลยได้เป็นรูปนี้มา
จริงๆตอนแรกก็ไม่ได้อยากกินสเวนเซ่นหรอกนะ
เพราะว่าเพนกวิ้นกำลังพยายามไดเอตอยู่
แต่พอดีเห็นเพื่อนไปกิน เพนกวิ้นเลยตามไปกินด้วย
สุดท้ายก็เลยลงเอยด้วย Happy Chocolate Brownie หนึ่งถ้วย
อืม อร่อย อร่อยมาก สมเป็นสเวนเซ่นจริงๆ
แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเพนกวิ้นจะน้ำหนักลดเมื่อไหร่ล่ะนี่ T T
หลังจากผ่านช่วงเวลาเครียดๆมาได้
เพนกวิ้นก็เลยถือโอกาสไปเดินเล่นแล้วหาอะไรกินเล็กน้อย
ก็เลยได้เป็นรูปนี้มา
จริงๆตอนแรกก็ไม่ได้อยากกินสเวนเซ่นหรอกนะ
เพราะว่าเพนกวิ้นกำลังพยายามไดเอตอยู่
แต่พอดีเห็นเพื่อนไปกิน เพนกวิ้นเลยตามไปกินด้วย
สุดท้ายก็เลยลงเอยด้วย Happy Chocolate Brownie หนึ่งถ้วย
อืม อร่อย อร่อยมาก สมเป็นสเวนเซ่นจริงๆ
แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเพนกวิ้นจะน้ำหนักลดเมื่อไหร่ล่ะนี่ T T
วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ไดอารี่ไร้สาระของเพนกวิ้น 15-11-12
วันนี้เพนกวิ้นส่งงานแล้วกระดี๊กระด๊า ลืมถ่ายรูปซะงั้น
ก็เลยไปรื้อๆค้นๆของในห้องเผื่อเจออะไรน่าสนใจ
แล้วก็ไปสะดุดตากับสิ่งนี้
ทุกคนอาจจะงงว่าสิ่งนี้คืออะไร
มันคือซีดีรายการวิทยุที่ให้นักพากย์ของอนิเม Durarara!! มานั่งคุยกัน
พิธีการรายการคือ ฮานะซาวะ คานะ ที่พากย์เป็นโซโนฮาระ อันริ
คู่กับ โทโยนางะ โทชิยูกิ ที่พากย์เป็นริวกามิเนะ มิคาโดะ
ว่าง่ายๆก็คือคู่พระเอกนางเอกของเรื่องนั่นเอง(มั้ง?)
ที่จริงซื้อซีดีนี้ไว้นานแล้ว
พอดีตอนนั้นมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นเลยไปสอยมาเป็นพิเศษ
อันนี้เป็นตอนพิเศษที่เค้าเชิญมิยาโนะ มาโมรุ ที่พากย์คิดะ มาซาโอมิ มาร่วมรายการด้วย
ส่วนรายการตอนปกติไม่ได้ซื้อมา แต่แอบอัดไว้เพราะมันเป็น webradio
ไว้มีตังค์ก่อนจะไปตามซื้อมาให้ครบเลย ฮุฮุฮุ
เกริ่นซะยาว ที่จะเล่าก็คือซีดีนี้เพนกวิ้นซื้อมาตั้งแต่สมัยที่เพิ่งเรียนญี่ปุ่นใหม่ๆ
สกิลการฟังอะไรก็เลยไม่ค่อยจะมี
แต่เพราะชอบ Durarara!! มากๆ ก็เลยพยายามตั้งใจฟังซีดีนี้ให้รู้เรื่อง
จนสุดท้ายฟังรู้เรื่องได้จริงๆหลังจากผ่านไปได้หลายเดือนอยู่
จากนั้นก็ตามฟัง webradio ตอนปกติที่เขาอัพขึ้น animate.tv เรื่อยๆ
สมัยนั้นก็เคยอยากลองแปลซีดีอันนี้ดู
เลยลงทุนค่อยๆแกะ แล้วแปลเก็บไว้ในคอม
แต่สุดท้ายแล้วก็แปลไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่าไม่สามารถแปลมุกที่พิธีกรเล่นได้เลยแม้แต่มุกเดียว
ภาษาญี่ปุ่นช่างซับซ้อนอะไรเช่นนี้
แถมหลังจากผ่านมา 2-3 ปี กลับไปนั่งอ่านที่ตัวเองแปลไว้ตอนนั้นแล้วรู้สึกว่า
ทำไมเราแปลผิดอะไรกันขนาดนี้เนี่ย -*-
คือไม่เชิงแปลผิด แต่สื่อความหมายไม่ครบถ้วน
ซื่งก็จัดว่าเป็นการแปลที่ไม่ค่อยดีอยู่ดีนั่นแหละ
แต่ยังไงก็ไม่ใช่ว่าตอนนี้เพนกวิ้นจะแปลดีนะ
ส่วนตัวยังแอบกังวลน้อยๆอยู่ว่าตัวเองแปลได้ตรงและสื่อความหมายได้ครบแค่ไหน
อา...หนทางแห่งการแปลช่างยาวไกลเสียนี่กระไร
ก็เลยไปรื้อๆค้นๆของในห้องเผื่อเจออะไรน่าสนใจ
แล้วก็ไปสะดุดตากับสิ่งนี้
ทุกคนอาจจะงงว่าสิ่งนี้คืออะไร
มันคือซีดีรายการวิทยุที่ให้นักพากย์ของอนิเม Durarara!! มานั่งคุยกัน
พิธีการรายการคือ ฮานะซาวะ คานะ ที่พากย์เป็นโซโนฮาระ อันริ
คู่กับ โทโยนางะ โทชิยูกิ ที่พากย์เป็นริวกามิเนะ มิคาโดะ
ว่าง่ายๆก็คือคู่พระเอกนางเอกของเรื่องนั่นเอง(มั้ง?)
ที่จริงซื้อซีดีนี้ไว้นานแล้ว
พอดีตอนนั้นมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นเลยไปสอยมาเป็นพิเศษ
อันนี้เป็นตอนพิเศษที่เค้าเชิญมิยาโนะ มาโมรุ ที่พากย์คิดะ มาซาโอมิ มาร่วมรายการด้วย
ส่วนรายการตอนปกติไม่ได้ซื้อมา แต่แอบอัดไว้เพราะมันเป็น webradio
ไว้มีตังค์ก่อนจะไปตามซื้อมาให้ครบเลย ฮุฮุฮุ
เกริ่นซะยาว ที่จะเล่าก็คือซีดีนี้เพนกวิ้นซื้อมาตั้งแต่สมัยที่เพิ่งเรียนญี่ปุ่นใหม่ๆ
สกิลการฟังอะไรก็เลยไม่ค่อยจะมี
แต่เพราะชอบ Durarara!! มากๆ ก็เลยพยายามตั้งใจฟังซีดีนี้ให้รู้เรื่อง
จนสุดท้ายฟังรู้เรื่องได้จริงๆหลังจากผ่านไปได้หลายเดือนอยู่
จากนั้นก็ตามฟัง webradio ตอนปกติที่เขาอัพขึ้น animate.tv เรื่อยๆ
สมัยนั้นก็เคยอยากลองแปลซีดีอันนี้ดู
เลยลงทุนค่อยๆแกะ แล้วแปลเก็บไว้ในคอม
แต่สุดท้ายแล้วก็แปลไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่าไม่สามารถแปลมุกที่พิธีกรเล่นได้เลยแม้แต่มุกเดียว
ภาษาญี่ปุ่นช่างซับซ้อนอะไรเช่นนี้
แถมหลังจากผ่านมา 2-3 ปี กลับไปนั่งอ่านที่ตัวเองแปลไว้ตอนนั้นแล้วรู้สึกว่า
ทำไมเราแปลผิดอะไรกันขนาดนี้เนี่ย -*-
คือไม่เชิงแปลผิด แต่สื่อความหมายไม่ครบถ้วน
ซื่งก็จัดว่าเป็นการแปลที่ไม่ค่อยดีอยู่ดีนั่นแหละ
แต่ยังไงก็ไม่ใช่ว่าตอนนี้เพนกวิ้นจะแปลดีนะ
ส่วนตัวยังแอบกังวลน้อยๆอยู่ว่าตัวเองแปลได้ตรงและสื่อความหมายได้ครบแค่ไหน
อา...หนทางแห่งการแปลช่างยาวไกลเสียนี่กระไร
วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ไดอารี่ไร้สาระของเพนกวิ้น 14-11-12
กลับมากันต่อกับไดอารี่
วันนี้เพนกวิ้นก็นั่งในห้องเหมือนเดิมเพราะกำหนดส่งงานพรุ่งนี้ 555+
วันนี้เพนกวิ้นก็นั่งในห้องเหมือนเดิมเพราะกำหนดส่งงานพรุ่งนี้ 555+
ช่วงนี้เลยต้องปั่นงานเป็นพิเศษหน่อย
ด้วยความที่ไม่ได้ไปไหนก็เลยถ่ายรูปของในห้องมาเหมือนเดิม
ด้วยความที่ไม่ได้ไปไหนก็เลยถ่ายรูปของในห้องมาเหมือนเดิม
นี่คือกองกล่องใส่จอคอมที่อาจารย์เจ้าของห้องซื้อมาแล้วก็ทิ้งไว้ก่อนเพราะหาที่เก็บไม่ได้
ที่ทิ้งไว้คือแค่กล่องนะ จอน่ะแกะออกมาหมดแล้ว(แต่ก็ไม่เห็นจะเอาไปทำอะไร)
ที่ทิ้งไว้คือแค่กล่องนะ จอน่ะแกะออกมาหมดแล้ว(แต่ก็ไม่เห็นจะเอาไปทำอะไร)
จริงๆแล้วเหมือนจะได้ยินมาว่าจะมีคอมมาเพิ่มอีกเร็วๆนี้
ทำให้เพนกวิ้นรู้สึกเป็นห่วงภาพลักษณ์ของห้องนี้เบาๆ
คือแค่กองนี้มันก็สูงเกือบๆเท่าตัวเพนกวิ้นแล้วนะจะบอกให้
ไม่เชื่อก็ลองเทียบกับเก้าอี้ดูก็ได้
แล้วกองไว้ซะข้างประตูชนิดที่เปิดมาก็เห็นกองกล่องนี้ก่อนสิ่งอื่นใด
ทำให้เพนกวิ้นรู้สึกเป็นห่วงภาพลักษณ์ของห้องนี้เบาๆ
คือแค่กองนี้มันก็สูงเกือบๆเท่าตัวเพนกวิ้นแล้วนะจะบอกให้
ไม่เชื่อก็ลองเทียบกับเก้าอี้ดูก็ได้
แล้วกองไว้ซะข้างประตูชนิดที่เปิดมาก็เห็นกองกล่องนี้ก่อนสิ่งอื่นใด
ถ้ามีมาเพิ่มอีกนี่คงดูไม่จืดเลยทีเดียว
ไว้เพนกวิ้นทำงานเสร็จก่อน แล้วจะหาเรื่องย้ายกล่องนี้ไปไว้ในบริเวณที่มันลับตาผู้คนกว่านี้หน่อย
วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ไดอารี่ไร้สาระของเพนกวิ้น 13-11-12
ไหนๆ เพนกวิ้นก็ไม่มีเวลาอัพบล็อกจริงจังอะไรอยู่แล้ว
เพนกวิ้นเลยคิดว่าจะทำไดอารี่ไร้สาระที่จะเขียนเรื่องที่เพนกวิ้นอยากเขียนจากเหตุการณ์หรือวัตถุที่เจอประจำวันเล่นๆดูดีกว่า
เพนกวิ้นเลยคิดว่าจะทำไดอารี่ไร้สาระที่จะเขียนเรื่องที่เพนกวิ้นอยากเขียนจากเหตุการณ์หรือวัตถุที่เจอประจำวันเล่นๆดูดีกว่า
สำหรับวันนี้ก็เริ่มต้นกันด้วย
ทุกคนคงจะงงๆว่าเอารูปเครื่องปริ้นท์มาทำอะไร
ไม่มีอะไรหรอกแค่วันนี้เพนกวิ้นไม่ได้ไปไหนนั่งเรียน + ทำงานอยู่แต่ในห้องทั้งวัน
ประเด็นคือเจ้าของเครื่องเค้าให้เพนกวิ้นปริ้นท์งานได้ฟรี ^ ^
เจ้าของเค้าอนุญาตแล้วมีอย่างที่ไหนเพนกวิ้นจะไม่จัดเต็มล่ะ
รายงานทุกชิ้น เอกสารทุกอย่างเพนกวิ้นปริ้นท์จากเครื่องนี้หมดเลย
เสียอย่างเดียวมันเป็นเครื่องปริ้นท์เลเซอร์ขาวดำ
ไม่งั้นเพนกวิ้นจะเริ่มหอบรูปนู่นนั่นนี่มาปริ้นท์เครื่องนี้ด้วย
เพนกวิ้นช่างเป็นคนดีจริงๆเลย ฮุฮุฮุ
ปล. เพนกวิ้นกำลังแปล หน้านี้อยู่ http://www.nitrochiral.com/staffblog/2012/07/120713_1554.php
จริงๆก็แปลอยู่ตั้งนานแล้วแหละ แต่พอมีอะไรยุ่งๆก็ลืมสนิทเลย
ตอนนี้เลยกำลังรื้อมาแปลต่ออยู่
ไว้เสร็จจะเอามาลงน้าาาา
ตอนนี้เลยกำลังรื้อมาแปลต่ออยู่
ไว้เสร็จจะเอามาลงน้าาาา
วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555
แปลเพลง: Pride - Nageki no Tabi จาก Sousei no Aquarion
ชื่อเพลง Pride - Nageki no Tabi
จากอนิเม Sousei no Aquarion , Aquarion EVOL
โดย Yoko Kanno,AKINO
__________________________________________________
เนื้อร้อง
kokoro no me ni mieta no wa wasurerareta sekai no hate
yami no michi de kiita no wa watashi dake wo yobu koe
nageki no tabi ga toki wo koete hajimaru nara
kono inochi made mo takaku takaku kakageyou
ai no na no moto ni
ai dake wo tayori ni
iza yukan senjou e
kiseki no hana sakasu tame
kagiri aru inochi to shitte ite daremo ga
kagiri nai yume wo miru
hito wa yasashiki kemono nan da ne
namida wa kitto kanashimi no monoiwanu kotoba dakara
kimi no hoho wo ikuoku no kagayaki ga nurasu darou
kibou wa zetsubou wo shiru mono no mune ni koso waku
karenai izumi no you ni towa ni umaretsu'zukeru
ai dake ga kikoeru ai dake ga michibiku
owari naki samayoi ni
hitosuji no hi tomosu tame
yuuki to wa kokoro no honoo da to ki ga tsuku
ibara no tsu'zuku michi wo
hokori to tomo ni moetsukiru made
inori yo todoke yo chiisaki kimi no mimune ni
ten kara sazukaru kokoro wa tada ai no tame...
ai wo daite
iza yukan senjou e
kiseki no hana sakasu tame
ai dake ga kikoeru ai dake ga michibiku
owari naki samayoi ni
hitosuji no hi tomosu tame
ai no na no moto ni ai dake wo tayori ni
tamashii no meizuru mama ni
hokori to tomo ni moetsukiru made
__________________________________________________
คันจิ
心の瞳に見えたのは忘れられた世界の果て
闇の途で聞いたのは私だけを呼ぶ声
嘆きの旅が時を超えて始まるなら
この命までも高く高く掲げよう
愛の名のもとに
愛だけを頼りに
いざ行かん 戦場へ
奇蹟の花 咲かすため
限りある命と知っていて誰もが
限りない夢を見る
人は優しき獣なんだね
涙はきっと悲しみの物言わぬ言葉だから
君の頬を幾億の輝きが濡らすだろう
希望は絶望を知る者の胸にこそ沸く
枯れない泉のように永久に生まれつづける
愛だけが聞こえる 愛だけが導く
終わりなき彷徨いに
ひとすじの灯ともすため
勇気とは心の炎だと気がつく
いばらの続く道を
誇りとともに燃え尽きるまで
祈りよ 届けよ 小さき君の御胸に
天から授かる心はただ愛のため…
愛を抱いて
いざ行かん 戦場へ
奇蹟の花 咲かすため
愛だけが聞こえる 愛だけが導く
終わりなき彷徨いに
ひとすじの灯ともすため
愛の名のもとに 愛だけを頼りに
魂の命ずるままに
誇りとともに燃え尽きるまで
__________________________________________________
คำแปล
สิ่งที่เห็นด้วยดวงตาของหัวใจ คือสุดขอบโลกที่ถูกลืมเลือน
สิ่งที่ได้ยินบนเส้นทางแห่งความมืด คือเสียงเพรียกหาตัวฉันเพียงผู้เดียว
หากการเดินทางอันยาวนานแห่งความโศกเศร้าเริ่มต้นขึ้นแล้วละก็
ฉันจะยอมเดิมพันด้วยชีวิตนี้
ในนามของความรัก
และใช้เพียงความรักเท่านั้น
มุ่งสู่สนามรบที่เราต้องไป
เพื่อให้ดอกไม้แห่งปาฏิหาริย์เบ่งบาน
ไม่ว่าใครต่างก็รู้ ว่าชีวิตนี้ต้องสิ้นสุดลง
เฝ้าฝันถึงความฝันที่ไม่สิ้นสุด มนุษย์ช่างเป็นสัตว์ที่อ่อนโยนอะไรอย่างนี้
น้ำตานั้นคงเป็นคำพูดอันไร้เสียงของความโศกเศร้า
ที่ทำให้รอยยิ้มของเธอเปล่งประกาย
มีเพียงผู้ที่รู้จักความสิ้นหวังจึงจะมีความหวังในหัวใจ
เกิดขึ้นไม่สิ้นสุดดั่งทะเลสาบที่ไม่มีวันเหือดแห้ง
ได้ยินเพียงความรักเท่านั้น
นำทางด้วยความรักเท่านั้น
เพื่อนำแสงสว่างมาสู่การหลงทางอันไม่สิ้นสุด
ฉันพึ่งเข้าใจว่า ความกล้าคือเปลวเพลิงแห่งหัวใจ
เส้นทางแห่งขวากหนามอันยาวไกล
เดินไปด้วยความทรนงตราบจนชีวิตนี้จะมอดดับลง
คำอธิษฐานเอย จงส่งไปให้ถึง ดวงใจดวงน้อยของเธอ
หัวใจที่ฟ้าประทานให้ มีไว้เพื่อรักเท่านั้น
โอบกอดความรัก
มุ่งสู่สนามรบที่เราต้องไป
เพื่อให้ดอกไม้แห่งปาฏิหาริย์เบ่งบาน
ได้ยินเพียงความรักเท่านั้น
นำทางด้วยความรักเท่านั้น
เพื่อนำแสงสว่างมาสู่การหลงทางอันไม่สิ้นสุด
ในนามของความรัก
และใช้เพียงความรักเท่านั้น
ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณนี้ยังคงอยู่
เดินไปด้วยความทรนงตราบจนชีวิตนี้จะมอดดับลง
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ยังไม่ตายนะ
เหมือนจะทิ้งบล็อกให้ร้างไปนานแสนนาน 555+
ไม่ใช่อะไรหรอก แค่งานยุ่งจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นมาเกือบสองเดือนแล้ว
คือ เพนกวิ้นต้องเขียนรายงานส่งอาจารย์ประมาณสัปดาห์ละ 2 ชิ้น
ไม่นับการบ้านปกติ งาน และการอ่านหนังสืออื่นๆ
เข้าเรียน 8.30 - 16.30 แทบทุกวัน
จนตอนนี้กวิ้นไม่แน่ใจว่าเรียนม.ปลายหรือมหาลัยอยู่กันแน่ (แอ๊บเด็กว่างั้นเถอะ 555+)
ยังไงซะเพนกวิ้นก็คงกลับมาอัพบล็อกบ้างถ้ามีเวลาว่างมากกว่านี้
สำหรับโปรเจ็คแปลนู่นนั่นนี่ก็ยังคงมีเรื่อยๆ (เพนกวิ้นกำลังฝึกการแปลความอยู่อ่ะนะ)
แค่จะไม่ค่อยได้เอามาลง...เพราะมันไม่เสร็จดี
หวังว่าเทอมนี้ของกวิ้นจะผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกัน
ปล. ผ่านไปได้ด้วยดี...แต่เกรดขอ"เอ"เถ๊อะะะะ เดี๋ยวเกรดเค้าจะหล่นไปไกล (T ^ T)
ไม่ใช่อะไรหรอก แค่งานยุ่งจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นมาเกือบสองเดือนแล้ว
คือ เพนกวิ้นต้องเขียนรายงานส่งอาจารย์ประมาณสัปดาห์ละ 2 ชิ้น
ไม่นับการบ้านปกติ งาน และการอ่านหนังสืออื่นๆ
เข้าเรียน 8.30 - 16.30 แทบทุกวัน
จนตอนนี้กวิ้นไม่แน่ใจว่าเรียนม.ปลายหรือมหาลัยอยู่กันแน่ (แอ๊บเด็กว่างั้นเถอะ 555+)
ยังไงซะเพนกวิ้นก็คงกลับมาอัพบล็อกบ้างถ้ามีเวลาว่างมากกว่านี้
สำหรับโปรเจ็คแปลนู่นนั่นนี่ก็ยังคงมีเรื่อยๆ (เพนกวิ้นกำลังฝึกการแปลความอยู่อ่ะนะ)
แค่จะไม่ค่อยได้เอามาลง...เพราะมันไม่เสร็จดี
หวังว่าเทอมนี้ของกวิ้นจะผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกัน
ปล. ผ่านไปได้ด้วยดี...แต่เกรดขอ"เอ"เถ๊อะะะะ เดี๋ยวเกรดเค้าจะหล่นไปไกล (T ^ T)
วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555
[Review] DRAMAtical Murder
เตือนไว้ก่อนว่าเอ็นทรีนี้เกี่ยวข้องกับเกมวาย(ซึึ่งจะมีมาเป็นพักๆตามอารมณ์จขบ.)
ถ้าใครรับไม่ได้หรือไม่ชอบก็ขอความกรุณาข้ามๆมันไปเถอะนะ
หลังจากเสร็จสิ้นกับการสอบ เพนกวิ้นก็รีบหาเกมมาเล่นทันที
โดยเฉพาะเกมนี้ DRAMAtical Murder เกม Y 18+ ของค่าย Nitro+Chiral
แค่ได้ยินชื่อค่ายแฟนๆหลายคนคงรู้กันดีว่าเกมของค่ายนี้มัน"ไม่ธรรมดา"ยังไง
เอาเป็นว่าอย่างน้อยรอบนี้ก็ไม่ทำร้ายจิตในกันเท่า Sweet Pool ละกัน
บอกไว้ก่อนว่าญี่ปุ่นเพนกวิ้นยังงูๆปลาๆ แปลได้ถูกๆผิดๆอยู่เลย
ถ้าข้อมูลอะไรผิดพลาดก็ขอโทษด้วยน้า
DRAMAtical Murder เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกอนาคตที่ไฮเทคมากๆ โดยตัวเอกอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือเมืองเก่า และอีกส่วนคือ Platinum Jail ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าสวนสวรรค์บนโลกมนุษย์ พระเอกที่อาศัยอยู่ในเมืองเก่านั้นได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่างซึ่งนำไปสู่การพจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแผนร้ายเบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆบนเกาะแห่งนี้
มาเริ่มที่ตัวละครแต่ละตัวกันก่อนดีกว่า
พระเอกสุดน่ารัก
蒼葉 (Aoba อาโอบะ)
CV: 嘉神 塁 (Kagami Rui)
เป็นหนุ่มน้อย(?) อายุ 23 ที่อาศัยอยู่กับย่าและทำงานอยู่ในร้านขายของเก่า 平凡 (Heibon เฮบอน) เวลาทำงานอยู่ชอบมีคนโทรศัพท์มาที่ร้านแล้วบอกว่า "เสียงของคุณเพราะจังเลย ขอนัดเจอหลังเลิกงานได้มั้ย" ประเด็นคือคนโทรมาแบบนี้มันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายน่ะสิ พระเอกของเราก็เลยใช้น้ำเสียงอ่อยๆล่อลวงให้คนที่โทรมาซื้อของซะเลย
ไม่อยากสปอยอะไรมาก เอาเป็นว่าพระเอกมีความสามารถที่เรียกว่า Scrap สามารถควบคุมจิตใจคนด้วยเสียงได้ แต่ถ้าใช้ความสามารถนี้พระเอกจะปวดหัว และได้ยินเสียงใครบางคนในหัวตัวเองให้ทำลายทุกสิ่ง
เบื้องหลังความสามารถนี้เป็นสปอยอันใหญ่โตมโหฬารที่ต้องเล่นจนจบ True End ก่อนถึงจะเข้าใจที่มาที่ไป ดังนั้นจะไม่ขอพูดถึงที่นี่ละกัน
โมเอะพ้อยท์: น้ำเสียงอ่อยล่อลวงลูกค้า, ไม่ชอบให้ใครมาจับผมตัวเอง, นอนบิดตัวฟังเพลงบนเตียงได้เซ็กซี่มาก
คู่หูของพระเอก
連 (Ren เร็น)
CV: 髭内 悪太 (Higeuchi Waruta)
หุ่นยนต์รูปหมาที่เป็นเสมือนเพื่อนของอาโอบะมาตั้งแต่เด็ก เป็นห่วงอาโอบะตลอดเวลา
อย่าให้รูปลักษณ์อันน่ารักนี้หลอกตาเอา เพราะจริงๆแล้วนักพากย์ที่ให้เสียงนั้นมีเสียงหล่อมากๆ
นอกจากนี้แล้วเวลาอาโอบะเล่น Rhyme เราก็จะได้เห็นเร็นในร่างมนุษย์ออกมาช่วยอาโอบะสู้ด้วย
และที่สำคัญที่สุดคือเราสามารถจบกับเร็นได้ด้วย โดยจะเป็น True End สำหรับเกมนี้
เซะเมะหมายเลขหนึ่ง
紅雀 (Koujaku โคจาคุ)
CV: 沖野 靖広 (Okino Yasuhiro)
เพื่อนสมัยเด็กของอาโอบะที่จากกันไปตอนเด็กๆแล้วกลับมาเจอกันอีกทีตอนโต สวมชุดกิโมโนสะพายตาบเล่มเบ้อเริ่มเดินกลางเมืองโดยไม่กลัวสายตาประชาชน นอกจากนี้ยังชอบม่อสาวโดยมีรอยยิ้มสุดเท่เป็นอาวุธประจำตัว
โคจาคุจะคอยเป็นห่วงอาโอบะตลอดจนกว่าเราจะลงรูทเมะคนอื่น และเป็นมิตรกับอาโอบะที่สุดตั้งแต่ต้นเรื่อง นอกจากนี้ยังเป็นตัวละครที่ Bad End เลวร้ายน้อยที่สุดในสายตาของเพนกวิ้นด้วย
โมเอะพ้อยท์: เลือดกำเดา(?), เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เซะเมะหมายเลขสอง
ノイズ (Noize น้อยส์)
CV: 野次馬 根性 (Yajiuma Konjou)
นักเล่นเกม Rhyme ที่เก่งมากและเป็นนักค้าข้อมูลเกี่ยวกับเกมนี้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นพวกไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า เปิดตัวมาด้วยการบุกเข้าไปรื้อข้อมูลในคอมพระเอกที่บ้าน พอพระเอกกลับมาก็ทำตัวกวนส้นใส่จนเป็นเรื่อง(รายละเอียดกรุณาเล่นเกมกันเอาเอง)
น้อยส์เป็นตัวละครตัวที่สองที่เพนกวิ้นเล่นจบ โดยระหว่างเล่นๆไปเพนกวิ้นก็ถึงบางอ้ออะไรบางอย่าง น้อยส์มันเป็นหนุ่มซึนนี่เอง แถมเป็นซึน + กวนส้นอีกต่างหาก ปากบอกไม่สนๆแต่แค่พระเอกอ้อนนิดหน่อยก็พร้อมจะเข้ามาช่วย(โดยปากก็ยังบอกว่าไม่สนๆอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ) ที่สำคัญที่สุดคือเป็นพวกไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นก็เลยไม่ค่อยเข้าใจเวลาอาโอบะเป็นห่วงซักเท่าไหร่
โมเอะพ้อยท์: ซึน + กวนส้น, ปากดีขี้เหงาเอาแต่ใจ
เซะเมะหมายเลขสาม
ミンク ( Mink มิ้งค์ )
CV: 早川 凜太 (Hayakawa Rinta)
นักโทษแหกคุกที่จริงๆแล้วก็เป็นคนดี(ตรงไหนหว่า) ยื่นมือเข้ามาช่วยอาโอบะตอนมีปัญหาโดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าอาโอบะต้องมาช่วยทำอะไรบางอย่างตอบแทนให้ มิ้งค์ยังเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำและดูเหมือนจะมีวุฒิภาวะสูงที่สุดในบรรดาเซะเมะทุกคนในเกมอีกด้วย
อยากจะบอกว่าเวลาเล่นรูทมิ้งค์เนี่ยรู้สึกสงสารอาโอบะแปลกๆ และปัจจุบันนี้เพนกวิ้นก็ยังสงสัยอยู่ว่าอาโอบะมันรักคนพรรค์นี้ไปได้ยังไง มีคนในบอร์ด aarin บอกว่าตอนฉากจบ Good End ของมิ้งค์ อาโอบะสมควรที่จะวิ่งเข้าไปตบหน้าแล้วกระทืบมิ้งค์ซักทีสองที
โมเอะพ้อยท์: ความรุนแรงในครอบครัว(มั้ง)
เซะเมะหมายเลขสี่
クリア (Clear เคลียร์)
CV: 佐和 真中 (Sawa Manaka)
ชายหนุ่มปริศนาที่ตกลงมาจากหลังคาร้านเฮบอนโดยมีออพชั่นพิเศษคือหน้ากากกันแก๊สพิษ เรียกอาโอบะว่า マスター (มาสเตอร์) ชอบทำตัวเอ๋อๆอยู่เป็นนิจและพูดอะไรแปลกๆมึนๆตลอดเวลา
เคลียร์เป็นตัวละครที่เอ๋อได้น่ารักมากถึงมากที่สุด แถมหน้ากากกันแก๊สพิษนั่นเป็นอะไรที่ทำให้มุกฮาขึ้นอีกหลายเท่า(เพราะต้องลองจินตนาการหน้าเอาเองว่าเคลียร์ทำหน้ายังไงอยู่) รายละเอียดนอกเหนือจากนี้ค่อนข้างจะเป็นสปอยพอสมควรเพราะเคลียร์เกี่ยวข้องกับแก่นของเรื่องมากกว่าเซะเมะคนอื่นๆ
โมเอะพ้อยท์: หน้ากากกันแก๊สพิษ???, เอ๋ออย่างน่าเอ็นดู
จริงแล้วเกมมีตัวละครอีกเยอะมากแต่ขี้เกียจเอาลงละเพราะ Good End จบได้กับเมะพวกนี้เท่านั้น
ส่วนตัวร้ายเรื่องนี้ก็กากแบบแปลกๆซะด้วยเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
ที่เหลือก็เป็นช่วงเพ้อถึงรูทที่ชอบ(ลากเพื่ออ่านนะและเตือนแล้วว่ามีสปอยอยู่)
สำหรับรูทที่ชอบมากที่สุดทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงเดากันแล้วว่าเป็นรูทของน้อยส์(ไม่ลำเอียงเลยเรา 555)
น้อยส์เป็นตัวละครที่เห็นตอนแรกรู้สึกน่าถีบมากเพราะฉากเปิดตัวทำตัวกวนส้นสุดๆ แถมเริ่มสนใจในตัวอาโอบะเพราะเล่นเกม Rhyme แพ้อาโอบะ ซึ่งตอนนั้นอาโอบะอยู่ใน Scrap Mode เลยจำไม่ได้ว่าชนะยังไง แต่ทันที่ที่น้อยส์โผล่เข้ามาที่ร้านเฮบอนในวันถัดไปแค่นั้นแหละ โอ้ว นี่มันคืออะไร
เข้ามาในร้านก็จูบมือเด็กผู้หญิง(เด็กจริงๆนะแบบ 8 ขวบไรงี้)ที่มาเล่นในร้าน พออาโอบะท้วงปุ๊บก็หอมแก้มอาโอบะเข้าให้(สาบานได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดก่อนลงรูทน้อยส์) เสร็จแล้วก็จัดการลากอาโอบะออกไปเล่นเกม Rhyme ด้วยกัน พอเล่นมาถึงตรงนี้ปุ๊บเพนกวิ้นสรุปได้เลยว่าน้อยส์หลงเสน่ห์อาโอบะเข้าให้แล้วแน่ๆ
ถึงจะไม่มีความหวานเลยแม้แต่น้อยเพราะน้อยส์ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวหรือไม่ก็กำลังซึนอยู่ แถมโดนขัดจังหวะกลางทางด้วยการทะเลาะกันระหว่างแก๊งค์ด้วย
หลังจากนั้นตอนที่ย่าอาโอบะโดนลักพาตัวไป น้อยส์ก็แอบส่งหุ่นยนต์รูปลูกบาศก์มาแอบฟัง พออาโอบะกับพวกจับได้ปุ๊บ อาโอบะก็ทำเสียงอ่อยแล้วบอกว่า"น้อยส์ฟังอยู่ใช่มั้ย ตอนนี้มีเรื่องเดือดร้อนมากเลย แค่กำลังพวกเราก็อาจจะไม่พอก็ได้ ก็เลยอยากให้น้อยส์มาช่วยอีกแรงนึง ถ้าเสร็จจากเรื่องนี้แล้ว เราจะทำตามที่นายต้องการทุกอย่างเลย ขอร้องล่ะ มาช่วยเราด้วย" แค่นั้นแหละน้อยส์ก็โผล่มาทันทีเลย (จริงๆส่วนนึงก็เป็นเพราะอาโอบะใช้ Scrap โดยไม่รู้ตัวตอนที่พูดประโยคสุดท้ายด้วยแหละ)
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปก็จะถึงเวลาลงรูทน้อยส์ ซึ่งฉากที่น่ารักมากๆระหว่างคู่นี้คือฉากออกไปซื้อของกิน อารมณ์มันประมาณนี้อ่ะ
น้อยส์ - นั่นอะไรอ่ะ
อาโอบะ - ....เอ๋?
น้อยส์ชี้ไปที่ทาโกะยากิที่อาโอบะกำลังถืออยู่
อาโอบะ - ตะกี้นายเป็นคนซื้อมาเองไม่ใช่เหรอ
น้อยส์ - ก็ใช่ แต่เราไม่รู้ชื่อมันนี่
อาโอบะ - หา?
อาโอบะมองหน้าน้อยส์เพื่อเช็คว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นอยู่แน่นะ ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
น้อยส์กำลังจ้องทาโกะยากิเหมือนไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิต
....เจ้านี่ พูดจริงเหรอเนี่ย
อาโอบะ - นี่ล้อเล่นอยู่ใช่มั้ย
น้อยส์ - ไม่ได้ล้อเล่นซะหน่อย รีบๆบอกชื่อมาสิ
อาโอบะ - ทาโกะยากิ
น้อยส์ - ทาโกะยากิ.....หืม ชื่อแปลกดีแฮะ
อาโอบะ - พูดจริงอ่ะ
น้อยส์ - แล้วนี่ล่ะ
อาโอบะ - เครป
น้อยส์ - อันนี้ล่ะ
อาโอบะ - โดนัท
น้อยส์ - หืม มีแต่ของชื่อแปลกๆทั้งนั้นเลยแฮะ
อาโอบะ - .....
อาโอบะจ้องหน้าน้อยส์
ดูเหมือนจะไม่ได้แกล้งไม่รู้จริงๆแฮะ
ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกนะว่าว่าเป็นคนแปลกๆแต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักของกินพวกนี้ที่ออกจะเป็นของทั่วไปที่คนทุกวัยชอบ
น้อยส์จ้องเครปและโดนัทที่อยู่ในมือก่อนจะลองกัดโดนัทดู 1 คำ
น้อยส์ - หวานแฮะ
อาโอบะ - นั่นมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เรอะ
น้อยส์ - แต่ก็ไม่เลวนะ
อาโอบะ - ดีใจด้วยนะ..... ตั้งแต่เกิดมานี่กินอะไรบ้างเนี่ย
น้อยส์ - พิซซ่าไม่ก็พาสต้าแบบ Delivery
อาโอบะ - แค่นั้นเรอะ?
น้อยส์ - แค่นั้นแหละ
อาโอบะ - ไม่เบื่อบ้างรึไง
น้อยส์ - ไม่นะ ถ้ามันอร่อยก็กินได้เรื่อยๆนั่นแหละ
อาโอบะ - ...
เจ้านี่ไม่ใช่แค่เป็นคนแปลกๆนิดหน่อยแล้ว
แบบนี้เรียกว่าโคตรประหลาดเลยต่างหาก
อาโอบะรู้สึกเหนื่อยใจแบบแปลกๆ แล้วก็เลยจิ้มทาโกะยากิขึ้นมากิน
พอคนเราหิวมากๆอะไรก็กินแล้วอร่อยทั้งนั้นแหละ
ตอนแรกนึกว่าใน Platinum Jail จะมีแต่ร้านอาหารหรูๆซะอีก มีของแบบนี้วางขายด้วยเหรอเนี่ย
อาโอบะ - มีไทยากิขายด้วยเหรอเนี่ย เมืองนี้มีทุกอย่างจริงๆแฮะ
พอจ้องร้านอาหารอื่นอยู่ดีๆก็โดนน้อยส์คว้ามือขวาเอาไว้
อาโอบะ - หืม.....อ๊ะ
ทาโกะยากิที่จิ้มขึ้นมาจะกินเมื่อกี๊โดนขโมยกินไปเรียบร้อย
อาโอบะ - นี่ ทำอะไรเนี่ย
น้อยส์ - เค็มอ่ะ
อาโอบะ - แน่นอนสิ
ประมาณนี้แล
หลังจากฉากนี้ก็จะเป็นตอนที่น้อยส์ไปทะเลาะกับยากูซ่าเจ้าถิ่นจนอาโอบะต้องรีบลากกลับมาที่ห้องพักก่อนจะเป็นเรื่องใหญ่(ไม่ทันแล้วหนูอาโอบะเอ๋ย) พออาโอบะทำแผลให้น้อยส์ก็ถามว่าทำไมถึงมาช่วยเขา เพราะต้องการจะใช้ประโยชน์ใช่มั้ย ซึ่งอาโอบะก็พยายามอธิบายว่า"ก็คนมันเป็นห่วงอ่ะ" น้อยส์ก็เลยบอกว่า ถ้าไม่ใช่เพื่อใช้ประโยชน์แล้วก็เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย แล้วน้อยส์ก็จูบอาโอบะ.....
พี่เจ้า น้อยส์แกจะไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่นมากเกินไปมั้ย หลังจากนั้นน้อยส์ก็ลากอาโอบะเข้าห้องไป YYY กันเรียบร้อย (คีย์เวิร์ดประจำฉากนี้ คือ "กัดให้แรงกว่านี้อีก"โดยน้อยส์....พวกเอ็งทำอะไรกันอยู่ห๊า)
ตอนหลังเราจะรู้ว่าน้อยส์เป็นโรคที่ทำให้รับประสาทสัมผัสน้อยกว่าปกติก็เลยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แถมโดนพ่อแม่ขังไว้ในบ้านอีกก็เลยไม่เข้าใจมนุษย์เข้าไปใหญ่ คิดว่าโลกใบนี้มีแต่เรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น ก็เลยไม่เชื่อใจใครแล้วก็พยายามที่จะมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว ตอนหลังหนีออกมาจากบ้านได้แล้วมาเริ่มเล่น Rhyme เพราะเกมนี้ถ้าโดน Damage ก็จะรู้สึกเจ็บ(เป็นการเจ็บผ่านการกระตุ้นทางจิตใจเลยสามารถรับรู้ได้)
ตอนท้ายเกมอาโอบะก็ใช้ Scrap ใส่น้อยส์เพื่อปลดปล่อยน้อยส์จากอดีตที่เจ็บปวด พร้อมๆกันนั้นก็ทำให้ประสาทสัมผัสของน้อยส์กลับมาด้วย (และทำให้น้อยส์เดเระแตกไปโดยสมบูรณ์)
หลังจากนั้นน้อยส์ซึ่งได้รับบาดเจ็บก็ไปนอนโรงบาลอยู่พักนึงซึ่งอาโอบะก็ไปเยี่ยมไข้และไป YYY กันบนเตียงผู้ป่วย
หลังจากออกจากโรงบาลน้อยส์ก็หายไปสามปีก่อนจะกลับมาบอกว่าตัวเองไปสืบทอดกิจการของครอบครัวที่เยอรมันนีมาและกลับมาพาอาโอบะไปอยู่ด้วย จากนั้นน้อยส์ก็จูบอาโอบะกลางร้านเฮบอนแล้วก็อุ้มอาโอบะไปท่ามกลางสายตาของเจ้าของร้านและเด็กๆที่มาเล่นในร้านตอนนั้น.....
เขียนซะยาวเชียว บอกแล้วว่าจขบ.ไม่ลำเอียงเลยแม้แต่น้อย 55555
จริงๆความซึนของน้อยส์จะเห็นไม่ค่อยชัดเท่าใหร่ในรูทนี้ ส่วนมากจะเป็นความกวนมากกว่า
แต่ถ้าเล่น True End จะเห็นชัดมากถึงมากที่สุด
สำหรับตัวละครอื่นๆไว้ถ้ามีเวลาเพนกวิ้นจะเขียนอีกละกัน
ถ้าใครรับไม่ได้หรือไม่ชอบก็ขอความกรุณาข้ามๆมันไปเถอะนะ
หลังจากเสร็จสิ้นกับการสอบ เพนกวิ้นก็รีบหาเกมมาเล่นทันที
โดยเฉพาะเกมนี้ DRAMAtical Murder เกม Y 18+ ของค่าย Nitro+Chiral
แค่ได้ยินชื่อค่ายแฟนๆหลายคนคงรู้กันดีว่าเกมของค่ายนี้มัน"ไม่ธรรมดา"ยังไง
เอาเป็นว่าอย่างน้อยรอบนี้ก็ไม่ทำร้ายจิตในกันเท่า Sweet Pool ละกัน
บอกไว้ก่อนว่าญี่ปุ่นเพนกวิ้นยังงูๆปลาๆ แปลได้ถูกๆผิดๆอยู่เลย
ถ้าข้อมูลอะไรผิดพลาดก็ขอโทษด้วยน้า
DRAMAtical Murder เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกอนาคตที่ไฮเทคมากๆ โดยตัวเอกอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือเมืองเก่า และอีกส่วนคือ Platinum Jail ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าสวนสวรรค์บนโลกมนุษย์ พระเอกที่อาศัยอยู่ในเมืองเก่านั้นได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่างซึ่งนำไปสู่การพจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแผนร้ายเบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆบนเกาะแห่งนี้
มาเริ่มที่ตัวละครแต่ละตัวกันก่อนดีกว่า
พระเอกสุดน่ารัก
蒼葉 (Aoba อาโอบะ)
CV: 嘉神 塁 (Kagami Rui)
เป็นหนุ่มน้อย(?) อายุ 23 ที่อาศัยอยู่กับย่าและทำงานอยู่ในร้านขายของเก่า 平凡 (Heibon เฮบอน) เวลาทำงานอยู่ชอบมีคนโทรศัพท์มาที่ร้านแล้วบอกว่า "เสียงของคุณเพราะจังเลย ขอนัดเจอหลังเลิกงานได้มั้ย" ประเด็นคือคนโทรมาแบบนี้มันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายน่ะสิ พระเอกของเราก็เลยใช้น้ำเสียงอ่อยๆล่อลวงให้คนที่โทรมาซื้อของซะเลย
ไม่อยากสปอยอะไรมาก เอาเป็นว่าพระเอกมีความสามารถที่เรียกว่า Scrap สามารถควบคุมจิตใจคนด้วยเสียงได้ แต่ถ้าใช้ความสามารถนี้พระเอกจะปวดหัว และได้ยินเสียงใครบางคนในหัวตัวเองให้ทำลายทุกสิ่ง
เบื้องหลังความสามารถนี้เป็นสปอยอันใหญ่โตมโหฬารที่ต้องเล่นจนจบ True End ก่อนถึงจะเข้าใจที่มาที่ไป ดังนั้นจะไม่ขอพูดถึงที่นี่ละกัน
โมเอะพ้อยท์: น้ำเสียงอ่อยล่อลวงลูกค้า, ไม่ชอบให้ใครมาจับผมตัวเอง, นอนบิดตัวฟังเพลงบนเตียงได้เซ็กซี่มาก
คู่หูของพระเอก
連 (Ren เร็น)
CV: 髭内 悪太 (Higeuchi Waruta)
หุ่นยนต์รูปหมาที่เป็นเสมือนเพื่อนของอาโอบะมาตั้งแต่เด็ก เป็นห่วงอาโอบะตลอดเวลา
อย่าให้รูปลักษณ์อันน่ารักนี้หลอกตาเอา เพราะจริงๆแล้วนักพากย์ที่ให้เสียงนั้นมีเสียงหล่อมากๆ
และที่สำคัญที่สุดคือเราสามารถจบกับเร็นได้ด้วย โดยจะเป็น True End สำหรับเกมนี้
เซะเมะหมายเลขหนึ่ง
紅雀 (Koujaku โคจาคุ)
CV: 沖野 靖広 (Okino Yasuhiro)
เพื่อนสมัยเด็กของอาโอบะที่จากกันไปตอนเด็กๆแล้วกลับมาเจอกันอีกทีตอนโต สวมชุดกิโมโนสะพายตาบเล่มเบ้อเริ่มเดินกลางเมืองโดยไม่กลัวสายตาประชาชน นอกจากนี้ยังชอบม่อสาวโดยมีรอยยิ้มสุดเท่เป็นอาวุธประจำตัว
โคจาคุจะคอยเป็นห่วงอาโอบะตลอดจนกว่าเราจะลงรูทเมะคนอื่น และเป็นมิตรกับอาโอบะที่สุดตั้งแต่ต้นเรื่อง นอกจากนี้ยังเป็นตัวละครที่ Bad End เลวร้ายน้อยที่สุดในสายตาของเพนกวิ้นด้วย
โมเอะพ้อยท์: เลือดกำเดา(?), เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เซะเมะหมายเลขสอง
ノイズ (Noize น้อยส์)
CV: 野次馬 根性 (Yajiuma Konjou)
นักเล่นเกม Rhyme ที่เก่งมากและเป็นนักค้าข้อมูลเกี่ยวกับเกมนี้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นพวกไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า เปิดตัวมาด้วยการบุกเข้าไปรื้อข้อมูลในคอมพระเอกที่บ้าน พอพระเอกกลับมาก็ทำตัวกวนส้นใส่จนเป็นเรื่อง(รายละเอียดกรุณาเล่นเกมกันเอาเอง)
น้อยส์เป็นตัวละครตัวที่สองที่เพนกวิ้นเล่นจบ โดยระหว่างเล่นๆไปเพนกวิ้นก็ถึงบางอ้ออะไรบางอย่าง น้อยส์มันเป็นหนุ่มซึนนี่เอง แถมเป็นซึน + กวนส้นอีกต่างหาก ปากบอกไม่สนๆแต่แค่พระเอกอ้อนนิดหน่อยก็พร้อมจะเข้ามาช่วย(โดยปากก็ยังบอกว่าไม่สนๆอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ) ที่สำคัญที่สุดคือเป็นพวกไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นก็เลยไม่ค่อยเข้าใจเวลาอาโอบะเป็นห่วงซักเท่าไหร่
โมเอะพ้อยท์: ซึน + กวนส้น, ปากดีขี้เหงาเอาแต่ใจ
เซะเมะหมายเลขสาม
ミンク ( Mink มิ้งค์ )
CV: 早川 凜太 (Hayakawa Rinta)
นักโทษแหกคุกที่จริงๆแล้วก็เป็นคนดี(ตรงไหนหว่า) ยื่นมือเข้ามาช่วยอาโอบะตอนมีปัญหาโดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าอาโอบะต้องมาช่วยทำอะไรบางอย่างตอบแทนให้ มิ้งค์ยังเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำและดูเหมือนจะมีวุฒิภาวะสูงที่สุดในบรรดาเซะเมะทุกคนในเกมอีกด้วย
อยากจะบอกว่าเวลาเล่นรูทมิ้งค์เนี่ยรู้สึกสงสารอาโอบะแปลกๆ และปัจจุบันนี้เพนกวิ้นก็ยังสงสัยอยู่ว่าอาโอบะมันรักคนพรรค์นี้ไปได้ยังไง มีคนในบอร์ด aarin บอกว่าตอนฉากจบ Good End ของมิ้งค์ อาโอบะสมควรที่จะวิ่งเข้าไปตบหน้าแล้วกระทืบมิ้งค์ซักทีสองที
โมเอะพ้อยท์: ความรุนแรงในครอบครัว(มั้ง)
เซะเมะหมายเลขสี่
クリア (Clear เคลียร์)
CV: 佐和 真中 (Sawa Manaka)
ชายหนุ่มปริศนาที่ตกลงมาจากหลังคาร้านเฮบอนโดยมีออพชั่นพิเศษคือหน้ากากกันแก๊สพิษ เรียกอาโอบะว่า マスター (มาสเตอร์) ชอบทำตัวเอ๋อๆอยู่เป็นนิจและพูดอะไรแปลกๆมึนๆตลอดเวลา
เคลียร์เป็นตัวละครที่เอ๋อได้น่ารักมากถึงมากที่สุด แถมหน้ากากกันแก๊สพิษนั่นเป็นอะไรที่ทำให้มุกฮาขึ้นอีกหลายเท่า(เพราะต้องลองจินตนาการหน้าเอาเองว่าเคลียร์ทำหน้ายังไงอยู่) รายละเอียดนอกเหนือจากนี้ค่อนข้างจะเป็นสปอยพอสมควรเพราะเคลียร์เกี่ยวข้องกับแก่นของเรื่องมากกว่าเซะเมะคนอื่นๆ
โมเอะพ้อยท์: หน้ากากกันแก๊สพิษ???, เอ๋ออย่างน่าเอ็นดู
จริงแล้วเกมมีตัวละครอีกเยอะมากแต่ขี้เกียจเอาลงละเพราะ Good End จบได้กับเมะพวกนี้เท่านั้น
ส่วนตัวร้ายเรื่องนี้ก็กากแบบแปลกๆซะด้วยเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
ที่เหลือก็เป็นช่วงเพ้อถึงรูทที่ชอบ(ลากเพื่ออ่านนะและเตือนแล้วว่ามีสปอยอยู่)
สำหรับรูทที่ชอบมากที่สุดทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงเดากันแล้วว่าเป็นรูทของน้อยส์(ไม่ลำเอียงเลยเรา 555)
น้อยส์เป็นตัวละครที่เห็นตอนแรกรู้สึกน่าถีบมากเพราะฉากเปิดตัวทำตัวกวนส้นสุดๆ แถมเริ่มสนใจในตัวอาโอบะเพราะเล่นเกม Rhyme แพ้อาโอบะ ซึ่งตอนนั้นอาโอบะอยู่ใน Scrap Mode เลยจำไม่ได้ว่าชนะยังไง แต่ทันที่ที่น้อยส์โผล่เข้ามาที่ร้านเฮบอนในวันถัดไปแค่นั้นแหละ โอ้ว นี่มันคืออะไร
เข้ามาในร้านก็จูบมือเด็กผู้หญิง(เด็กจริงๆนะแบบ 8 ขวบไรงี้)ที่มาเล่นในร้าน พออาโอบะท้วงปุ๊บก็หอมแก้มอาโอบะเข้าให้(สาบานได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดก่อนลงรูทน้อยส์) เสร็จแล้วก็จัดการลากอาโอบะออกไปเล่นเกม Rhyme ด้วยกัน พอเล่นมาถึงตรงนี้ปุ๊บเพนกวิ้นสรุปได้เลยว่าน้อยส์หลงเสน่ห์อาโอบะเข้าให้แล้วแน่ๆ
ถึงจะไม่มีความหวานเลยแม้แต่น้อยเพราะน้อยส์ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวหรือไม่ก็กำลังซึนอยู่ แถมโดนขัดจังหวะกลางทางด้วยการทะเลาะกันระหว่างแก๊งค์ด้วย
หลังจากนั้นตอนที่ย่าอาโอบะโดนลักพาตัวไป น้อยส์ก็แอบส่งหุ่นยนต์รูปลูกบาศก์มาแอบฟัง พออาโอบะกับพวกจับได้ปุ๊บ อาโอบะก็ทำเสียงอ่อยแล้วบอกว่า"น้อยส์ฟังอยู่ใช่มั้ย ตอนนี้มีเรื่องเดือดร้อนมากเลย แค่กำลังพวกเราก็อาจจะไม่พอก็ได้ ก็เลยอยากให้น้อยส์มาช่วยอีกแรงนึง ถ้าเสร็จจากเรื่องนี้แล้ว เราจะทำตามที่นายต้องการทุกอย่างเลย ขอร้องล่ะ มาช่วยเราด้วย" แค่นั้นแหละน้อยส์ก็โผล่มาทันทีเลย (จริงๆส่วนนึงก็เป็นเพราะอาโอบะใช้ Scrap โดยไม่รู้ตัวตอนที่พูดประโยคสุดท้ายด้วยแหละ)
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปก็จะถึงเวลาลงรูทน้อยส์ ซึ่งฉากที่น่ารักมากๆระหว่างคู่นี้คือฉากออกไปซื้อของกิน อารมณ์มันประมาณนี้อ่ะ
น้อยส์ - นั่นอะไรอ่ะ
อาโอบะ - ....เอ๋?
น้อยส์ชี้ไปที่ทาโกะยากิที่อาโอบะกำลังถืออยู่
อาโอบะ - ตะกี้นายเป็นคนซื้อมาเองไม่ใช่เหรอ
น้อยส์ - ก็ใช่ แต่เราไม่รู้ชื่อมันนี่
อาโอบะ - หา?
อาโอบะมองหน้าน้อยส์เพื่อเช็คว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นอยู่แน่นะ ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
น้อยส์กำลังจ้องทาโกะยากิเหมือนไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิต
....เจ้านี่ พูดจริงเหรอเนี่ย
อาโอบะ - นี่ล้อเล่นอยู่ใช่มั้ย
น้อยส์ - ไม่ได้ล้อเล่นซะหน่อย รีบๆบอกชื่อมาสิ
อาโอบะ - ทาโกะยากิ
น้อยส์ - ทาโกะยากิ.....หืม ชื่อแปลกดีแฮะ
อาโอบะ - พูดจริงอ่ะ
น้อยส์ - แล้วนี่ล่ะ
อาโอบะ - เครป
น้อยส์ - อันนี้ล่ะ
อาโอบะ - โดนัท
น้อยส์ - หืม มีแต่ของชื่อแปลกๆทั้งนั้นเลยแฮะ
อาโอบะ - .....
อาโอบะจ้องหน้าน้อยส์
ดูเหมือนจะไม่ได้แกล้งไม่รู้จริงๆแฮะ
ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกนะว่าว่าเป็นคนแปลกๆแต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักของกินพวกนี้ที่ออกจะเป็นของทั่วไปที่คนทุกวัยชอบ
น้อยส์จ้องเครปและโดนัทที่อยู่ในมือก่อนจะลองกัดโดนัทดู 1 คำ
น้อยส์ - หวานแฮะ
อาโอบะ - นั่นมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เรอะ
น้อยส์ - แต่ก็ไม่เลวนะ
อาโอบะ - ดีใจด้วยนะ..... ตั้งแต่เกิดมานี่กินอะไรบ้างเนี่ย
น้อยส์ - พิซซ่าไม่ก็พาสต้าแบบ Delivery
อาโอบะ - แค่นั้นเรอะ?
น้อยส์ - แค่นั้นแหละ
อาโอบะ - ไม่เบื่อบ้างรึไง
น้อยส์ - ไม่นะ ถ้ามันอร่อยก็กินได้เรื่อยๆนั่นแหละ
อาโอบะ - ...
เจ้านี่ไม่ใช่แค่เป็นคนแปลกๆนิดหน่อยแล้ว
แบบนี้เรียกว่าโคตรประหลาดเลยต่างหาก
อาโอบะรู้สึกเหนื่อยใจแบบแปลกๆ แล้วก็เลยจิ้มทาโกะยากิขึ้นมากิน
พอคนเราหิวมากๆอะไรก็กินแล้วอร่อยทั้งนั้นแหละ
ตอนแรกนึกว่าใน Platinum Jail จะมีแต่ร้านอาหารหรูๆซะอีก มีของแบบนี้วางขายด้วยเหรอเนี่ย
อาโอบะ - มีไทยากิขายด้วยเหรอเนี่ย เมืองนี้มีทุกอย่างจริงๆแฮะ
พอจ้องร้านอาหารอื่นอยู่ดีๆก็โดนน้อยส์คว้ามือขวาเอาไว้
อาโอบะ - หืม.....อ๊ะ
ทาโกะยากิที่จิ้มขึ้นมาจะกินเมื่อกี๊โดนขโมยกินไปเรียบร้อย
อาโอบะ - นี่ ทำอะไรเนี่ย
น้อยส์ - เค็มอ่ะ
อาโอบะ - แน่นอนสิ
ประมาณนี้แล
หลังจากฉากนี้ก็จะเป็นตอนที่น้อยส์ไปทะเลาะกับยากูซ่าเจ้าถิ่นจนอาโอบะต้องรีบลากกลับมาที่ห้องพักก่อนจะเป็นเรื่องใหญ่(ไม่ทันแล้วหนูอาโอบะเอ๋ย) พออาโอบะทำแผลให้น้อยส์ก็ถามว่าทำไมถึงมาช่วยเขา เพราะต้องการจะใช้ประโยชน์ใช่มั้ย ซึ่งอาโอบะก็พยายามอธิบายว่า"ก็คนมันเป็นห่วงอ่ะ" น้อยส์ก็เลยบอกว่า ถ้าไม่ใช่เพื่อใช้ประโยชน์แล้วก็เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย แล้วน้อยส์ก็จูบอาโอบะ.....
พี่เจ้า น้อยส์แกจะไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่นมากเกินไปมั้ย หลังจากนั้นน้อยส์ก็ลากอาโอบะเข้าห้องไป YYY กันเรียบร้อย (คีย์เวิร์ดประจำฉากนี้ คือ "กัดให้แรงกว่านี้อีก"โดยน้อยส์....พวกเอ็งทำอะไรกันอยู่ห๊า)
ตอนหลังเราจะรู้ว่าน้อยส์เป็นโรคที่ทำให้รับประสาทสัมผัสน้อยกว่าปกติก็เลยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แถมโดนพ่อแม่ขังไว้ในบ้านอีกก็เลยไม่เข้าใจมนุษย์เข้าไปใหญ่ คิดว่าโลกใบนี้มีแต่เรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น ก็เลยไม่เชื่อใจใครแล้วก็พยายามที่จะมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว ตอนหลังหนีออกมาจากบ้านได้แล้วมาเริ่มเล่น Rhyme เพราะเกมนี้ถ้าโดน Damage ก็จะรู้สึกเจ็บ(เป็นการเจ็บผ่านการกระตุ้นทางจิตใจเลยสามารถรับรู้ได้)
ตอนท้ายเกมอาโอบะก็ใช้ Scrap ใส่น้อยส์เพื่อปลดปล่อยน้อยส์จากอดีตที่เจ็บปวด พร้อมๆกันนั้นก็ทำให้ประสาทสัมผัสของน้อยส์กลับมาด้วย (และทำให้น้อยส์เดเระแตกไปโดยสมบูรณ์)
หลังจากนั้นน้อยส์ซึ่งได้รับบาดเจ็บก็ไปนอนโรงบาลอยู่พักนึงซึ่งอาโอบะก็ไปเยี่ยมไข้และไป YYY กันบนเตียงผู้ป่วย
หลังจากออกจากโรงบาลน้อยส์ก็หายไปสามปีก่อนจะกลับมาบอกว่าตัวเองไปสืบทอดกิจการของครอบครัวที่เยอรมันนีมาและกลับมาพาอาโอบะไปอยู่ด้วย จากนั้นน้อยส์ก็จูบอาโอบะกลางร้านเฮบอนแล้วก็อุ้มอาโอบะไปท่ามกลางสายตาของเจ้าของร้านและเด็กๆที่มาเล่นในร้านตอนนั้น.....
เขียนซะยาวเชียว บอกแล้วว่าจขบ.ไม่ลำเอียงเลยแม้แต่น้อย 55555
จริงๆความซึนของน้อยส์จะเห็นไม่ค่อยชัดเท่าใหร่ในรูทนี้ ส่วนมากจะเป็นความกวนมากกว่า
แต่ถ้าเล่น True End จะเห็นชัดมากถึงมากที่สุด
สำหรับตัวละครอื่นๆไว้ถ้ามีเวลาเพนกวิ้นจะเขียนอีกละกัน
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
แปลเพลง: Tabi no Tochuu จาก Spice and Wolf
ชื่อเพลง Tabi no Tochuu
จากอนิเม Spice and Wolf
ร้องโดย Natsumi Kiyoura
แต่งโดย Tomohiko Kira
__________________________________________________
เนื้อร้อง
tada hitori
mayoi komu tabi no naka de
kokoro dake samayotte tachitsukushita
demo ima wa tooku made
arukidaseru
sou kimi to kono michi he
deatte kara
tabibito tachi ga utau
mishiranu uta mo
natsukashiku kikoete kuru yo
tada kimi to iru to
yume mita sekai ga
dokoka ni aru nara
sagashi ni yukou ka
kaze no mukou he
itetsuku yoake no
kawaita mahiru no
furueru yamiyo no
hate wo mi ni yukou
sabishisa wo shitte iru
kimi no hitomi
mabataite sono iro wo
utsusu kara
takaku sora made tonde
mikazuki ni naru
hakkairo no hoshi wa kitto
namida no kakera
higashi no kuni no minato nishi no umibe
kurai mori de minami no machi kin no tou
kita no oka mizu ni yurareta onaji tsuki ga
sashidasu sono te wo
tsunaide ii nara
doko made yukou ka
kimi to futari de
doko he mo yukeru yo
mada minu sekai no
zawameki kaori wo
nakishime ni yukou
__________________________________________________
คันจิ
ただひとり
迷い込む旅の中で
心だけ彷徨って立ち尽くした
でも今は 遠くまで
歩き出せる
そう君と この道へ
出会ってから
旅人たちが歌う
見知らぬ歌も
懐かしく聴こえてくるよ
ただ君といると
夢見た世界が
どこかに あるなら
探しに 行こうか
風のむこうへ
凍てつく夜明けの
渇いた真昼の
ふるえる闇夜の
果てを見に行こう
寂しさを知っている
君の瞳
まばたいて その色を
映すから
高く空まで飛んで
三日月になる
ハッカ色の星はきっと
涙のかけら
東の国の港 西の海辺
暗い森で 南の街 金の塔
北の丘 水に揺られた同じ月が
差し出すその手を
つないでいいなら
どこまで行こうか
君と二人で
どこへも行けるよ
まだ見ぬ世界の
ざわめき 香りを
抱きしめに行こう
__________________________________________________
คำแปล
ฉันหลงทางอยู่คนเดียวระหว่างการเดินทาง
มีเพียงดวงใจที่หลงเที่ยวไป ทิ้งร่างกายให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
แต่ว่าในตอนนี้ ฉันสามารถออกเดินไปได้ไกล
ตั้งแต่ฉันได้พบกับเธอบนเส้นทางเส้นนี้
เหล่าคนเดินทางร้องเพลงที่ตัวฉันไม่รู้จัก
แต่ฉันฟังแล้วกลับระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ เพียงแค่มีเธออยู่ข้างกาย
หากโลกที่เห็นในความฝันนั้น มีจริงที่ไหนซักแห่ง
ออกไปตามหามันกันเถอะ ที่อีกฟากฝั่งของสายลม
ทั้งรุ่งอรุณที่หนาวเย็น กลางวันที่แห้งผาก
และรัตติกาลที่สั่นสะท้าน ออกไปดูมันจนถึงที่สุดกัน
ดวงตาของเธอรู้จักความเหงา
ยามเมื่อเธอกระพริบตา มันจะสะท้อนออกมา
ฉันจะโผบินขึ้นไปสูงบนนภา และกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ดวงดาราสีมิ้นท์เหล่านั้นคงจะเป็น เศษเสี้ยวของน้ำตา
ท่าเรือของประเทศทางทิศตะวันออก ชายหาดทางทิศตะวันตก
เมืองทางทิศใต้ หอคอยสีทองในป่าที่มืดมิด
เนินเขาทางทิศเหนือ ในน้ำนั้นสะท้อนดวงจันทร์ดวงเดียวกัน
หากเธอจับมือที่ยื่นออกไปแล้วละก็
ฉันกับเธอสองคน จะสามารถไปได้ถึงที่ไหนกัน
คงจะสามารถไปที่แห่งใดก็ได้
ออกไปโอบกอดกลิ่นอันมากมายของโลกที่ยังไม่เคยเห็นกัน
__________________________________________________
Credit: http://www.animelyrics.com
จากอนิเม Spice and Wolf
ร้องโดย Natsumi Kiyoura
แต่งโดย Tomohiko Kira
__________________________________________________
เนื้อร้อง
tada hitori
mayoi komu tabi no naka de
kokoro dake samayotte tachitsukushita
demo ima wa tooku made
arukidaseru
sou kimi to kono michi he
deatte kara
tabibito tachi ga utau
mishiranu uta mo
natsukashiku kikoete kuru yo
tada kimi to iru to
yume mita sekai ga
dokoka ni aru nara
sagashi ni yukou ka
kaze no mukou he
itetsuku yoake no
kawaita mahiru no
furueru yamiyo no
hate wo mi ni yukou
sabishisa wo shitte iru
kimi no hitomi
mabataite sono iro wo
utsusu kara
takaku sora made tonde
mikazuki ni naru
hakkairo no hoshi wa kitto
namida no kakera
higashi no kuni no minato nishi no umibe
kurai mori de minami no machi kin no tou
kita no oka mizu ni yurareta onaji tsuki ga
sashidasu sono te wo
tsunaide ii nara
doko made yukou ka
kimi to futari de
doko he mo yukeru yo
mada minu sekai no
zawameki kaori wo
nakishime ni yukou
__________________________________________________
คันจิ
ただひとり
迷い込む旅の中で
心だけ彷徨って立ち尽くした
でも今は 遠くまで
歩き出せる
そう君と この道へ
出会ってから
旅人たちが歌う
見知らぬ歌も
懐かしく聴こえてくるよ
ただ君といると
夢見た世界が
どこかに あるなら
探しに 行こうか
風のむこうへ
凍てつく夜明けの
渇いた真昼の
ふるえる闇夜の
果てを見に行こう
寂しさを知っている
君の瞳
まばたいて その色を
映すから
高く空まで飛んで
三日月になる
ハッカ色の星はきっと
涙のかけら
東の国の港 西の海辺
暗い森で 南の街 金の塔
北の丘 水に揺られた同じ月が
差し出すその手を
つないでいいなら
どこまで行こうか
君と二人で
どこへも行けるよ
まだ見ぬ世界の
ざわめき 香りを
抱きしめに行こう
__________________________________________________
คำแปล
ฉันหลงทางอยู่คนเดียวระหว่างการเดินทาง
มีเพียงดวงใจที่หลงเที่ยวไป ทิ้งร่างกายให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
แต่ว่าในตอนนี้ ฉันสามารถออกเดินไปได้ไกล
ตั้งแต่ฉันได้พบกับเธอบนเส้นทางเส้นนี้
เหล่าคนเดินทางร้องเพลงที่ตัวฉันไม่รู้จัก
แต่ฉันฟังแล้วกลับระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ เพียงแค่มีเธออยู่ข้างกาย
หากโลกที่เห็นในความฝันนั้น มีจริงที่ไหนซักแห่ง
ออกไปตามหามันกันเถอะ ที่อีกฟากฝั่งของสายลม
ทั้งรุ่งอรุณที่หนาวเย็น กลางวันที่แห้งผาก
และรัตติกาลที่สั่นสะท้าน ออกไปดูมันจนถึงที่สุดกัน
ดวงตาของเธอรู้จักความเหงา
ยามเมื่อเธอกระพริบตา มันจะสะท้อนออกมา
ฉันจะโผบินขึ้นไปสูงบนนภา และกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ดวงดาราสีมิ้นท์เหล่านั้นคงจะเป็น เศษเสี้ยวของน้ำตา
ท่าเรือของประเทศทางทิศตะวันออก ชายหาดทางทิศตะวันตก
เมืองทางทิศใต้ หอคอยสีทองในป่าที่มืดมิด
เนินเขาทางทิศเหนือ ในน้ำนั้นสะท้อนดวงจันทร์ดวงเดียวกัน
หากเธอจับมือที่ยื่นออกไปแล้วละก็
ฉันกับเธอสองคน จะสามารถไปได้ถึงที่ไหนกัน
คงจะสามารถไปที่แห่งใดก็ได้
ออกไปโอบกอดกลิ่นอันมากมายของโลกที่ยังไม่เคยเห็นกัน
__________________________________________________
Credit: http://www.animelyrics.com
แปลเพลง: Serenato
ชื่อเพลง Serenato
ร้องโดย KALAFINA
แต่งโดย Yuki Kajiura
บนทุ่งหญ้าที่ไร้ซึ่งท้องนภา
ของประเทศที่ไร้ซึ่งเทพเจ้านั้น
มวลหมู่วิหคต่างร่ำร้อง
"ฉันอยากกลับไป ฉันไม่อาจกลับไป"
ฉันอยากมีชีวิตอยู่เคียงข้างคนที่ฉันรัก
สิ่งที่ฉันเฝ้าภาวนาถึงอยู่เสมอ
มีเพียงเรื่องของเธอเท่านั้น
น้ำตาเอย จงแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลง
บรรเลงท่วงทำนองแห่งรักอันแสนหวาน
ด้วยเสียงของกระดิ่ง
ตามหาที่อยู่ของฤดูร้อน
ไปตามเส้นทางใต้แสงของดาราดวงสุดท้ายของคืนนี้
เพียงเราสองคน
เพราะดวงตะวันถูกซ่อนเร้น
วิญญาณของฉันจึงถูกแช่แข็ง
เราสองหลงทางอยู่ในความรัก
"ฉันไม่อาจเชื่อเธอ ฉันอยากจะเชื่อเธอ"
หากฉันมีชีวิตอยู่ข้างเธอที่ฉันรักแล้ว
สักวันหนึ่งเราคงจะเรียกแสงสว่าง
กลับมาสู่ดินแดนแห่งความเหงานี้ได้
ไปตามเส้นทางเดินของชีวิต
สะท้อนเสียงบรรเลงเพลงแห่งรัก
เสียงของกระดิ่ง
เงาแห่งฤดูร้อนที่ซ้อนทับกัน
สักวันหนึ่งเราคงไปถึงท้องฟ้าแสนสงบอันห่างไกลนั้น
น้ำตาเอย จงแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลง
บรรเลงท่วงทำนองแห่งรักในห้วงฝัน
ด้วยเสียงของกระดิ่ง
ตามหาที่อยู่ของฤดูร้อน
สักวันที่เมืองสุดท้ายที่แสนไกล
พักปีกของเรา
เพียงเราสองคน
นอนหลับเสียเถิด
__________________________________________________
เพนกวิ้นเอาคันจิกะตัวโรมันจิมาจากเวป animelyrics.com
ถึงในเวปมันจะมีคำแปลเป็นอังกฤษอยู่แล้ว
แต่เพนกวิ้นแปลจากภาษาญี่ปุ่นเอาเพราะกลัวความหมายเปลี่ยน
เพนกวิ้นเองก็ไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นอะไร มีผิดบ้าง ถูกบ้าง มั่วบ้าง
หวังว่าทุกคนคงไม่ว่าเพนกวิ้นน้า
ร้องโดย KALAFINA
แต่งโดย Yuki Kajiura
__________________________________________________
เนื้อร้อง
haru o matsu hana no you ni
kaze no naka furueteita
mou sukoshi chikaku ni kite
inochi ni furetai
kamisama ga inai kuni no
sora no nai sougen ni wa
kaeritai kaerenai to
nageku toritachi no shirabe
itoshii hito to yorisotte ikiteyukitai
itsumo inotteiru no wa
anata no koto bakari
namida o uta ni kaete
amaku kanaderu yo serenato
suzu no ne
natsu no arika sagashite
koyoi saigo no hoshi ga terasu michi o yukou
futari de
taiyou ga kakurete kara
tamashii wa kogoeteita
shinjinai shinjitai to
ai o samayotta futari
itoshii anata to yorisotte ikiteyuketara
itsuka sabishii daichi ni
hikari o yobimodoshite
inochi no tabiji o yuku
kanaderu hibiki wa serenato
suzu no ne
natsu no kage o kasanete
itsuka tooi shizuka na sora e todoku yo
namida o uta ni kaete
yumeji ni kanaderu serenato
suzu no ne
natsu no arika sagashite
itsuka tooi saigo no machi e
hane o yasume
futari de
nemurou
__________________________________________________
คันจิ
春を待つ花のように
風の中震えていた
もう少し近くに来て
命に触れたい
神様がいない国の
空のない草原には
帰りたい帰れないと
嘆く鳥たちの調べ
愛しい人と寄り添って生きて行きたい
いつも祈っているのは
貴方のことばかり
涙を詩に変えて
甘く奏でるよ serenato
鈴の音
夏の在処探して
今宵最後の星が照らす道を行こう
二人で
太陽が隠れてから
たましいは凍えていた
信じない信じたいと
愛を彷徨った二人
愛しい貴方と寄り添って生きて行けたら
いつか寂しい大地に
光を呼び戻して
いのちの旅路を行く
奏でる響きは serenato
鈴の音
夏の影を重ねて
いつか遠い静かな空へ届くよ
涙を歌に変えて
夢路に奏でる serenato
鈴の音
夏の在処探して
いつか遠い最後の町へ
羽を休め
二人で
眠ろう
__________________________________________________
คำแปล
ฉันหนาวสั่นอยู่ในสายลม
ราวกับดอกไม้ที่กำลังเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิ
ได้โปรดเข้ามาใกล้ฉัน
และสัมผัสชีวิตนี้ได้โปรดเข้ามาใกล้ฉัน
บนทุ่งหญ้าที่ไร้ซึ่งท้องนภา
ของประเทศที่ไร้ซึ่งเทพเจ้านั้น
มวลหมู่วิหคต่างร่ำร้อง
"ฉันอยากกลับไป ฉันไม่อาจกลับไป"
ฉันอยากมีชีวิตอยู่เคียงข้างคนที่ฉันรัก
สิ่งที่ฉันเฝ้าภาวนาถึงอยู่เสมอ
มีเพียงเรื่องของเธอเท่านั้น
น้ำตาเอย จงแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลง
บรรเลงท่วงทำนองแห่งรักอันแสนหวาน
ด้วยเสียงของกระดิ่ง
ตามหาที่อยู่ของฤดูร้อน
ไปตามเส้นทางใต้แสงของดาราดวงสุดท้ายของคืนนี้
เพียงเราสองคน
เพราะดวงตะวันถูกซ่อนเร้น
วิญญาณของฉันจึงถูกแช่แข็ง
เราสองหลงทางอยู่ในความรัก
"ฉันไม่อาจเชื่อเธอ ฉันอยากจะเชื่อเธอ"
หากฉันมีชีวิตอยู่ข้างเธอที่ฉันรักแล้ว
สักวันหนึ่งเราคงจะเรียกแสงสว่าง
กลับมาสู่ดินแดนแห่งความเหงานี้ได้
ไปตามเส้นทางเดินของชีวิต
สะท้อนเสียงบรรเลงเพลงแห่งรัก
เสียงของกระดิ่ง
เงาแห่งฤดูร้อนที่ซ้อนทับกัน
สักวันหนึ่งเราคงไปถึงท้องฟ้าแสนสงบอันห่างไกลนั้น
น้ำตาเอย จงแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลง
บรรเลงท่วงทำนองแห่งรักในห้วงฝัน
ด้วยเสียงของกระดิ่ง
ตามหาที่อยู่ของฤดูร้อน
สักวันที่เมืองสุดท้ายที่แสนไกล
พักปีกของเรา
เพียงเราสองคน
นอนหลับเสียเถิด
__________________________________________________
เพนกวิ้นเอาคันจิกะตัวโรมันจิมาจากเวป animelyrics.com
ถึงในเวปมันจะมีคำแปลเป็นอังกฤษอยู่แล้ว
แต่เพนกวิ้นแปลจากภาษาญี่ปุ่นเอาเพราะกลัวความหมายเปลี่ยน
เพนกวิ้นเองก็ไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นอะไร มีผิดบ้าง ถูกบ้าง มั่วบ้าง
หวังว่าทุกคนคงไม่ว่าเพนกวิ้นน้า
แปลเพลง: βιοζ-δ จาก Guilty Crown
ชื่อเพลง βιοζ-δ
จากอนิเม Guilty Crown
ร้องโดย Mika kobayashi
แต่งโดย Hiroyuki Sawano
__________________________________________________
เนื้อร้อง
erinnerst du dich noch?
erinnerst du dich noch an dein wort, das du mir gegeben hast?
erinnerst du dich noch?
erinnerst du dich noch an den tag, an dem du mir?
die ruinenstadt ist immer noch schön
ich warte lange Zeit auf deine Rückkehr
in der hand ein vergissmeinnicht
regentropfen sind meine Tränen
Wind ist mein atem und erzählung
zweige und blätter sind meine hände
denn mein körper ist in wurzeln gehüllt
wenn die jahreszeit des tauens kommt,
werde ich wach und singe ein lied
das vergissmeinnicht, das du mir gegeben hast, ist hier
__________________________________________________
คำแปล
ยังจำได้ไหม
จากอนิเม Guilty Crown
ร้องโดย Mika kobayashi
แต่งโดย Hiroyuki Sawano
__________________________________________________
เนื้อร้อง
erinnerst du dich noch?
erinnerst du dich noch an dein wort, das du mir gegeben hast?
erinnerst du dich noch?
erinnerst du dich noch an den tag, an dem du mir?
die ruinenstadt ist immer noch schön
ich warte lange Zeit auf deine Rückkehr
in der hand ein vergissmeinnicht
regentropfen sind meine Tränen
Wind ist mein atem und erzählung
zweige und blätter sind meine hände
denn mein körper ist in wurzeln gehüllt
wenn die jahreszeit des tauens kommt,
werde ich wach und singe ein lied
das vergissmeinnicht, das du mir gegeben hast, ist hier
__________________________________________________
คำแปล
ยังจำได้ไหม
ยังจำสัญญาที่เคยให้ฉันได้ไ หม
ยังจำได้ไหม
เธอยังจำวันนั้นได้ไหม
เมืองร้างแห่งนี้ยังคงสวยงา มอยู่เหมือนเดิม
ฉันถือดอก Forget-me-not เอาไว้
ขณะรอเธอกลับเสมอมา
เม็ดฝนคือหยดน้ำตาของฉัน
สายลมคือลมหายใจ เล่าเรื่องราว
กิ่งก้านและใบคือมือ
เพราะตัวฉันนั้นถูกรากตรึงเ อาไว้
เมื่อถึงเวลาที่หิมะละลาย
ฉันจะตื่นขึ้นและขับขาน
“Forget-me-not ที่เธอให้ฉันมานั้น ยังอยู่ตรงนี้”
ยังจำได้ไหม
เธอยังจำวันนั้นได้ไหม
เมืองร้างแห่งนี้ยังคงสวยงา
ฉันถือดอก Forget-me-not เอาไว้
ขณะรอเธอกลับเสมอมา
เม็ดฝนคือหยดน้ำตาของฉัน
สายลมคือลมหายใจ เล่าเรื่องราว
กิ่งก้านและใบคือมือ
เพราะตัวฉันนั้นถูกรากตรึงเ
เมื่อถึงเวลาที่หิมะละลาย
ฉันจะตื่นขึ้นและขับขาน
“Forget-me-not ที่เธอให้ฉันมานั้น ยังอยู่ตรงนี้”
__________________________________________________
เพลงนี้แปลเอาจากคำแปล Official ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นอีกทีนึง
เพราะจริงๆเพนกวิ้นไม่กระดิกภาษาเยอรมันแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นบางคนที่อ่านเยอรมันออกน่าจะรู้สึกแปลกๆกับคำแปล(มั้ง)
จุดเริ่มต้นของบล็อกไร้สาระ
สวัสดีทุกมนุษย์ทุกคนที่หลงเข้ามาในรังเพนกวิ้น
ไหนๆเพนกวิ้นก็แอบมีเวลาว่างเล็กน้อยในชีวิต แถมเบื่อเฟสบุ๊คหน่อยๆ
ก็เลยคิดจะมาทำ Blog ที่รวมเรื่องไร้สาระที่อยู่ๆเพนกวิ้นก็อยากทำอยากเขียนขึ้นมา
ดังนั้นอย่าแปลกใจที่อยู่ดีๆจะมีโพสท์ที่ไม่เข้ากันสุดขั้วโลกสองโพสท์อยู่ติดกัน
เพนกวิ้นก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างนี้แหละทุกคน อย่าว่ากันน้า
ด้วยความมึนงงและปริศนาของจักรวาล
เพนกวิ้น แช่แข็ง
ไหนๆเพนกวิ้นก็แอบมีเวลาว่างเล็กน้อยในชีวิต แถมเบื่อเฟสบุ๊คหน่อยๆ
ก็เลยคิดจะมาทำ Blog ที่รวมเรื่องไร้สาระที่อยู่ๆเพนกวิ้นก็อยากทำอยากเขียนขึ้นมา
ดังนั้นอย่าแปลกใจที่อยู่ดีๆจะมีโพสท์ที่ไม่เข้ากันสุดขั้วโลกสองโพสท์อยู่ติดกัน
เพนกวิ้นก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างนี้แหละทุกคน อย่าว่ากันน้า
ด้วยความมึนงงและปริศนาของจักรวาล
เพนกวิ้น แช่แข็ง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)